อยากใช้เน็ต 5G ต้องเปลี่ยนมือถือไหม?

ไขทุกข้อสงสัย ทำไมโปร 5G ต้องใช้กับมือถือ 5G เท่านั้น พร้อมข้อมูลคลื่นความถี่ของแต่ละค่าย

หลายคนอาจสงสัยว่า เมื่อสมัคร โปรเน็ต 5G แล้ว จะสามารถใช้งานความเร็วสูงได้ทันทีกับโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมเลยหรือไม่? คำตอบคือ **"ไม่เสมอไป"** ครับ การจะใช้งานเครือข่าย 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างคือ: 1. ซิมที่รองรับ 5G, 2. โปรโมชัน 5G, และที่สำคัญที่สุดคือ **3. โทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G**

ทำไมต้องใช้มือถือ 5G โดยเฉพาะ?

เทคโนโลยี 5G ทำงานบนคลื่นความถี่ที่แตกต่างจาก 4G โดยสิ้นเชิง เปรียบเสมือนถนนเส้นใหม่ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ดังนั้น โทรศัพท์มือถือจึงจำเป็นต้องมี "ฮาร์ดแวร์" ที่ออกแบบมาเพื่อรับสัญญาณจากถนนเส้นใหม่นี้ได้ ซึ่งประกอบด้วย:

  • ชิปเซ็ต (CPU) และโมเด็ม 5G: หัวใจหลักในการประมวลผลและรับ-ส่งสัญญาณคลื่น 5G โดยเฉพาะ
  • เสาอากาศ (Antenna): ถูกออกแบบมาให้รับคลื่นความถี่ 5G ที่มีหลากหลายย่านได้ดีกว่า
ภาพประกอบชิปเซ็ตโมเด็มและเสาอากาศสำหรับรับสัญญาณ 5G

โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่รองรับแค่ 4G จะไม่มีฮาร์ดแวร์เหล่านี้ ทำให้ถึงแม้คุณจะใช้ซิม 5G และสมัครโปร 5G เครื่องก็จะยังคงจับสัญญาณได้แค่ 4G เท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงความเร็วเต็มสปีดของ 5G ได้ครับ

เจาะลึกมาตรฐานและคลื่นความถี่ 5G ในไทย (AIS vs True-Dtac vs NT)

คลื่นความถี่ 5G เปรียบเหมือนเลนถนน ยิ่งมีเลนกว้าง (แบนด์วิธกว้าง) รถก็ยิ่งวิ่งได้เร็ว (อินเทอร์เน็ตเร็ว) โดยคลื่น 5G ในไทยแบ่งออกเป็น 3 ย่านหลักๆ คือ:

  • Low-band (700 MHz): สัญญาณไปได้ไกล ทะลุทะลวงดี เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ห่างไกลและครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ความเร็วไม่สูงมาก
  • Mid-band (2600 MHz / 2.6 GHz): เป็นย่านความถี่หลักของ 5G ในปัจจุบัน มีความสมดุลที่ดีระหว่างความเร็วและความครอบคลุม
  • High-band (26 GHz): หรือเรียกว่า mmWave (มิลลิเมตรเวฟ) มีความเร็วสูงที่สุด แต่สัญญาณเดินทางได้ไม่ไกล เหมาะกับพื้นที่หนาแน่น เช่น สนามกีฬา ห้างสรรพสินค้า

การที่มือถือของคุณจะใช้งาน 5G ได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องนั้นรองรับคลื่นความถี่ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมีอยู่หรือไม่

ตารางเปรียบเทียบคลื่นความถี่ 5G ของผู้ให้บริการในไทย

ผู้ให้บริการ คลื่นความถี่ 5G ที่ถือครอง จุดเด่น
AIS 700 MHz, 2600 MHz, 26 GHz มีคลื่นครบทุกย่านความถี่ โดยเน้น 2600 MHz เป็นคลื่นหลัก ทำให้มีความเร็วสูงและครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่
True-Dtac 700 MHz, 2600 MHz, 26 GHz หลังจากการควบรวม ทำให้มีคลื่น 700 MHz และ 2600 MHz จำนวนมากที่สุด ช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของสัญญาณ
NT (National Telecom) 700 MHz, 26 GHz มีคลื่น 700 MHz สำหรับบริการ 5G ในพื้นที่ต่างจังหวัด และคลื่น 26 GHz ซึ่งปัจจุบันมีการทำสัญญากับ AIS เพื่อนำไปพัฒนาใช้งานร่วมกัน

วิธีตรวจสอบว่ามือถือของคุณรองรับ 5G หรือไม่?

วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการตรวจสอบคือการดูที่การตั้งค่าเครือข่ายในโทรศัพท์ของคุณ:

  1. ไปที่ การตั้งค่า (Settings)
  2. เลือก เซลลูลาร์ (Cellular) หรือ เครือข่ายมือถือ (Mobile Network)
  3. มองหาเมนู ประเภทเครือข่ายที่ต้องการ (Preferred Network Type)
  4. หากมีตัวเลือก 5G (เช่น 5G/4G/3G Auto) แสดงว่าโทรศัพท์ของคุณรองรับ 5G ครับ
ภาพหน้าจอการตั้งค่าเครือข่ายบนมือถือที่แสดงตัวเลือก 5G

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบได้จากกล่องผลิตภัณฑ์ หรือข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของรุ่นโทรศัพท์บนเว็บไซต์ผู้ผลิตได้อีกด้วย

ตัวอย่างรุ่นโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G (ยอดนิยม)

ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ 5G ให้เลือกหลากหลายราคา ตั้งแต่รุ่นเรือธงไปจนถึงรุ่นกลางที่เข้าถึงง่าย ตัวอย่างเช่น:

  • Apple: iPhone 12 Series ขึ้นไป (iPhone 12, 13, 14, 15 และรุ่นใหม่กว่า)
  • Samsung: Galaxy S21 Series ขึ้นไป, Galaxy Z Fold/Flip Series, และ Galaxy A Series บางรุ่น (เช่น A54 5G)
  • แบรนด์อื่นๆ: โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ จาก OPPO, vivo, Xiaomi, realme ส่วนใหญ่มักจะรองรับ 5G เป็นมาตรฐานแล้ว

การลงทุนกับ มือถือ 5G ในวันนี้ ไม่ใช่แค่การได้ใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เหนือกว่า แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีในอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นอีกด้วย อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณให้พร้อม แล้วมาสนุกกับความเร็วเต็มสปีดจาก โปรเน็ต AIS และ โปรเน็ตทรูดีแทค กันนะครับ!